วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เพื่อนของฉัน

 



        ฉันศึกษาอยู่ในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6/1 ได้อยู่กับเพื่อนๆมาสามปีแล้ว บางคนก็สามปี พวกเรามีความผูกพันธ์กันมากมาย ทะเลาะกันบ้าง หัวเราะกันบ้าง ไม่ชอบกันบ้าง แต่ถึงยังไง พวกเราก็รักกัน เพราะพวกเราอยุ่ห้องเดียวกันหกทับหนึ่ง! :)

ปาล์มและฉัน
 คนแรกเธอชื่อ ปาล์ม  น.ส.กฤตยาภรณ์ วงศ์คำลือ 
      เราเพิ่งจะมาสนิทกันตอนมัธยมศึกษาปีที่ห้า สนิทกันได้ยังไงไม่รู้ เรื่มจากตรงไหนไม่รู้ เธอเป็นคนที่เข้าใจเรามากที่สุด เข้าใจมากกว่าพ่อแม่ในบางเรื่องเลยก็ว่าได้ แล้วเธอก็เป็นเพื่อนที่ชอบกัด กัด กัด กัดเนื้อฉันจนพรุน 555 เธอเป็นคนที่ชอบลืม ลืม ลืมมันจะทุกอย่าง ลืมไม่มากแต่บ่อยครั้ง และฉันต้องเตือนเธออยู่บ่อยๆ เธอเป็นเพื่อนที่ฉันรักมากที่สุดตั้งแต่เกิดมาเลยก็ว่าได้ 


มายด์
 คนสองเธอชื่อ มายด์  น.ส.อนัญพร ภัคพงศ์โยธิน 
      กับเธอคนนี้เราสนิทกันมาตั้งหกปีแล้ว เธอคนนี้เจออะไรก็ตกใจ ที่สำคัญกลัวหนอนเป็นที่สุดและชอบมิกกี้เม้าท์มาก เป็นผู้นำเทรนด์ในห้อง เธอเรียนเก่งคณิตศาสตร์มากๆแล้วก็สามารถช่วยติวเพื่อนๆได้อีกด้วย เธอจะคอยช่วยเวลาที่ฉันเดือดร้อน เธอเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ว่าที่พยาบาลของพวกเรา 5555


มิ้ว
 คนสามเธอชื่อ มิ้ว  น.ส.อดีลีน ไซเกนทาเลอร์
      เธอคนนี้ชอบมาปรึกษาและมาเล่าเรื่องราวชีวิตให้ฟังเสมอ มิ้วเป็นคนที่โม้และเม้าท์หรือคุยได้เก่งมาก จนเราพุดไม่ทัน ถ้ามิ้วจะเล่าเรื่องอะไรห้ามขัดเด็ดขาด เธอชอบเรื่องผีสางและความเชื่อเป็นอย่างมาก เป็นคนโรแมนติกแต่ไม่ค่อยแสดงออก ข้างนอกเป้นคนกล้าลึกๆแล้วก็ขี้อายนะ จุดเด่นของมิ้วคือ ชอบชงเรากับปาล์มเสมอ แล้วเราก็เชื่ออย่างสุดใจ 555

กิ๊ก
คนสี่เธอชื่อ กิ๊ก  น.ส.กัญญารัตน์ คำมาก
      กิ๊กเป็นเพื่อนสนิทมิ้ว คู่ขาการโม้เม้าท์กับมิ้ว เป็นคนที่เก่งมาก เป็นคนที่ใจดีเสมอ ชอบยืมยางลบ ลิขวิด ปากกาแดง ไม้บรรทัดฉันอยู่สม่ำเสมอ และชอบขอเงินบาทสองบากตลอด จนยอดมันจะเหยียบแสนละนะกิ๊ก 5555
 
แนน
คนห้าเธอชื่อ แนน  น.ส.วิภวานี เชิดชูจันทร์
      แนนเป็นหัวหน้าห้องที่ดูภายนอกแล้วเธอโหดมาก แต่ที่จริงแล้วข้างในไม่มีอะไรเลย เธอชอบสีเขียว ชอบโคนัน แล้วก็ชอบเม้าท์ ชอบเอาเรื่องใหม่ๆที่ยังไม่มีใครรู้มาเล่าให้เพื่อนฟัง ที่สำคัญชอบเล่าเวลาครูสอน 555555

นกยูง
คนหกเธอชื่อ นกยูง  น.ส.ภัคนันท์ สงวนสิทธิกุล
      นกยูงเป็นคนที่ใจดีมาก มากถึงที่สุด นางเป็นคนที่รักสวยรักงามมาก เรื่องความสวยงามต้องมาปรึกษาเธอได้เลย เธอป๊อบที่สุดดแล้วในห้อง เพธอสวยมาก > <

เดฟ
คนเจ็ดนายคนนี้ ชื่อ เดฟ  นายพันธกานต์ สอนผา
      นายคนนี้เป็นเพื่อนที่สนิทมาก เป็นเพื่อนผู้ชายที่สุภาพบุรุษมากที่สุดในห้องเลย อาจจะเกรียนนิดหน่อย แต่ถ้าคบเป็นเพื่อนล่ะก็ เพื่อนคนนี้เป็นคนดีที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เดฟเข้าใจเราได้ทุกอย่าง และคอยให้กำลังใจอยู่เสมอ เดฟเป็นเพื่อนผู้ชายที่สนิทมากที่สุดเลยก็ว่าได้ 

โอ้ต
คนแปดนายคนนี้ ชื่อ โอ้ต  นายเศรษฐ์ เอี่ยมจิตวิวัฒน์ 
      ทุกคนส่วนมากจะเรียกโอ้ตว่า เศราฐ์ เพราะชื่อเล่นสั้นดี นายคนนี้เป็นเพื่อนกับเรามาหกปี อยากจะบอกว่านายคนนี้ขี้เก๊กมาก เล่นดนตรีเก่ง และ สาว ติด ตรึม! นายคนนี้เป็นคนดี คอยช่วยเหลือเพื่อน เป็นบัดดี้เราซะด้วย ชอบใช้เราทำงาน แต่ค่าตอบแทนคือหมูกระทะก็คุ้มนะ 555


Bleanded Learning


          Bleanded Learning คือ กระบวนการเรียนรู้ที่ผสมผสานรูปแบบการเรียนรู้ที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ที่เกิดขึ้นในห้องเรียน ผสมผสานกับการเรียนรู้นอกห้องเรียนที่ผู้เรียนผู้สอนไม่เผชิญหน้ากัน หรือการใช้แหล่งเรียนรู้ที่มีอยู่หลากหลาย กระบวนการเรียนรู้และกิจกรรมเกิดขึ้นจากยุทธวิธี การเรียนการสอนที่หลากรูปแบบ เป้าหมายอยู่ที่การให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายการเรียนรู้เป็นสำคัญ
          การสอนด้วยวิธีการเรียนรู้แบบผสมผสานนั้น ผู้สอน สามารถใช้วิธีการสอน สองวิธีหรือมากกว่า ในการเรียนการสอน เช่น ผู้สอนนำเสนอเนื้อหาบทเรียนผ่านเทคโนโลยีผนวกกับการสอนแบบเผชิญหน้า แต่หลังจากนั้นผู้สอนนำเนื้อหาบทความแขวนไว้บนเว็บ จากนั้นติดตามการดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้อีเลินนิ่ง ด้วยระบบแอลเอ็มเอส (Learning Management System ) ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ในห้องแล็บ หลังจากนั้นสรุปบทเรียน ด้วยการอภิปรายร่วมกับอาจารย์ผู้สอนในห้องเรียน
          "Blended learning เป็นสิ่งสำคัญของการศึกษาและเทคโนโลยี ,blended learning มีการใช้งานที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว,เป็นการบูรณาการระหว่างการเรียนในชั้นเรียนและการเรียนแบบออนไลน์,สามารถช่วยส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนและการใช้เวลาในชั้นเรียนได้เหมาะสม"

การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning)

        การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning)การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่างๆมาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น คือ
     - รวม รูปแบบการเรียนการสอน
     - รวม วิธีการเรียนการสอน
     - รวม การเรียนแบบออนไลด์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียนการเติบโตของการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได้มีการรวมเข้าหากันจาก 2 รูปแบบสภาพแวดล้อมของการเรียนแบบเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรียนกับ การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่างระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพาะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่างกันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเครื่องมือที่แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบบทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ่ขยายอย่างรวดเร็วซึ่งได้เข้ามาในรูปของเทคโนโลยีใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่การเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ่ขยายเข้ามาสู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวดเร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไลน์นั้นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วมในการเรียนการสอนในชั้นเรียนเกิดเป็นการเรียนแบบผสมผสานขึ้นมาซึ่งคาดว่าในอนาคตนั้นการเรียนแบบผสมผสานจะมีการขยายตัวที่มากขึ้นตามรูปแบบการเรียนแบบออนไลน์ที่จะมีการเติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานนั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิมยิ่งขึ้นอีกด้วย

ข้อดี-ข้อเสีย 

       การเรียนแบบผสมผสานสรุป Blended Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน ความหมายและความสำคัญ
1. การเรียนแบบผสมผสาน (blended learning) เป็นการเรียนที่ใช้กิจกรรมที่ต้องออนไลน์และการพบปะกันในห้องเรียนจริง (hybrid) โดยใช้สื่อที่มีความหลากหลายเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้ เพื่อตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคล
2. การเรียนแบบผสมผสาน เป็นการรวมกันหรือนำสิ่งต่าง ๆ มาผสม โดยที่สิ่งที่ถูกผสมนั้น การเรียนอาจจะเรียนในห้องเรียน 60% เรียนบนเว็บ 40% ไม่ได้มีกฎตายตัวว่าจะต้องผสมผสานกันเท่าใด เช่น- รวม รูปแบบการเรียนการสอน- รวม วิธีการเรียนการสอน- รวม การเรียนแบบออนไลน์ และรูปแบบการเรียนการสอนในชั้นเรียน
3. การเรียนแบบผสมผสาน (Blended learning) การเติบโตของการเรียนแบบผสมผสานตั้งแต่อดีต ปัจจุบันและอนาคตการเรียนรู้แบบผสมผสาน โดยในอดีตนั้น การเรียนแบบผสมผสานคือส่วนที่ได้มีการรวมเข้าหากัน จาก 2 รูปแบบ
          3.1 สภาพแวดล้อมของการเรียนแบบเดิม นั้นก็คือ การเรียนแบบเผชิญหน้าในชั้นเรียน
          3.2 การเรียนแบบออนไลน์ ซึ่งในอดีตนั้นการเรียนทั้ง 2 รูปแบบจะมีช่องว่างหรือระยะห่างระหว่างกันค่อยข้างมาก คือจะมีการจัดการเรียนการสอนเฉพาะของตัวเองมีรูปแบบ และการดำเนินการในรูปแบบที่ต่างกันเพราะว่าต่างก็ใช้สื่อและเครื่องมือที่แตกต่างกัน และมีสถานที่ในการเรียนที่แตกต่างกันเพราะมีกลุ่มผู้เรียนที่ต่างกันด้วย แต่ในขณะเดียวกันนั้นการเรียนแบบทางไกลก็กำลังมีการเติบโตและแผ่ขยายอย่างรวดเร็ว ซึ่งได้เข้ามาในรูปของเทคโนโลยีใหม่ ที่มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่การเรียนแบบออนไลน์นั้นจะมีการแผ่ขยายเข้ามาสู่การเรียนในชั้นเรียนอย่างรวดเร็วในปัจจุบันการเรียนแบบออนไลน์นั้นได้เข้ามามีส่วนร่วมในการติดต่อสื่อสารและมีปฏิสัมพันธ์ร่วม ในการเรียนการสอนในชั้นเรียนเกิดเป็นการเรียนแบบผสมผสานขึ้นมาซึ่งคาดว่าในอนาคตนั้นการเรียนแบบผสมผสานจะมีการขยายตัวที่มากขึ้นตามรูปแบบการเรียนแบบออนไลน์ที่จะมีการเติบโตขึ้นมากกว่าปัจจุบัน จึงส่งผลให้การเรียนแบบผสมผสานนั้นมีการขยายวงกว้างออกไปจากเดิมยิ่งขึ้นอีกด้วย

สรุป

1. การเรียนการสอนแบบผสมผสาน Blended Learning เป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานหลากหลายวิธี เพื่อให้ผู้เรียนได้มีการเรียนรู้ที่หลากหลาย และเพื่อผู้เรียนได้พัฒนาเต็มศักยภาพเหมาะกับบริบทและสถานการณ์ การเรียนรู้และตอบสนองความแตกต่างระหว่างบุคคลเกิดการเรียนรู้และเกิดทักษะด้านการปฏิบัติ (Practice Skill )โดยใช้เทคโนโลยี เช่น การเรียนการสอนในชั้นเรียนร่วมกับการเรียนการสอนแบบออนไลน์(a combination of face-to-face and Onine Learning) การเรียนแบบหมวก 6 ใบ, สตอรี่ไลน์ จุดมุ่งหมายสูงสุดอยู่ที่ผู้เรียน โดยอัตราส่วนการผสมผสาน จะขึ้นอยู่กับลักษณะเนื้อหา และการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน กรณี - ครูผู้สอนสั่งงานทาง e-mail หรือ chatroom หรือ webbord ถือเป็นการเรียนรู้แบบผสมผสาน- ครูสั่งให้ส่งงานเป็นรูปเล่มรายงานถือว่าเป็นการเรียนรู้แบบผสมผสานเช่นกัน เพราะต้องไปค้นคว้าสืบค้นข้อมูลและนำมาอภิปราย สรุป เนื้อหาเป็นแนวเดียวกัน ผู้เรียนทุกคนเข้าใจตรงกัน

2. การใช้งานจริง ณ ขณะนี้ สรุป การใช้ Blended Learning ในองค์กร หรือบริษัท ช่วยในการประชุม การสั่งงาน โดยมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระบบเครือข่าย ส่วนมาก นิยมใช้ระบบ LMS เป็นระบบการบริหาร ผ่าน Sever เป็นระบบเครือข่ายผู้ใช้งานในระบบ
........2.1 กลุ่มผู้บริหาร Administrator ทำหน้าที่ดูแลระบบ
........2.2 กลุ่ม ครู อาจารย์ Instructor/ teacher ทำหน้าที่สอน
........2.3 กลุ่มผู้เรียน Student /Guest นักเรียน นักศึกษาสำหรับขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานของ Beijing Normal University (BNU) ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลักดังนี้
..1. ขั้นก่อนการวิเคราะห์ (Pre-Analysis) เป็นขั้นตอนแรกของการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน ประกอบการพิจารณาข้อมูลทั่ว ๆ ไป ได้แก่
.....1.1 การวิเคราะห์คุณสมบัติของผู้เรียน
.....1.2 การวิเคราะห์วัตถุประสงค์ในการเรียนรู้
.....1.3 การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมของการเรียนรู้แบบผสมผสานผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนแรก จะเป็นรายงานผลที่จะนำไปใช้ในขั้นต่อไป

..2. ขั้นการออกแบบกิจกรรมและการออกแบบวัสดุการเรียนรู้ (Design of Activity and Resources) เป็นขั้นตอนที่สองที่นำผลลัพธ์ที่ได้จากขั้นตอนแรกมาออกแบบกิจกรรมและวัสดุการเรียนรู้ ซึ่งจำแนกออกเป็น 3 ส่วนย่อย ๆ ได้แก่
.....2.1 การออกแบบภาพรวมของการเรียนรู้แบบผสมผสาน ประกอบด้วย
..........- กิจกรรมการเรียนรู้แต่ละหน่วยเรียน
..........- กลยุทธ์การนำส่งบทเรียนในการเรียนรู้แบบผสมผสาน
..........- ส่วนสนับสนุนการเรียนรู้แบบผสมผสาน
.....2.2 การออกแบบกิจกรรมแต่ละหน่วยเรียนประกอบด้วย
..........- นิยามผลการกระทำของผู้เรียน
..........- กิจกรรมในแต่ละวัตถุประสงค์
..........- การจัดกลุ่มของกิจกรรมทั้งหมด
..........- การประเมินผลในแต่ละหน่วยเรียน
.....2.3 การออกแบบและพัฒนาวัสดุการเรียนรู้ประกอบด้วย
.........- การเลือกสรรเนื้อหาสาระ
.........- การพัฒนากรณีต่าง ๆ
.........- การนำเสนอผลการออกแบบและการพัฒนาผลที่ได้จากขั้นตอนที่สอง จะเป็นรายละเอียดของการออกแบบบทเรียนในแต่ละส่วน

..3. ขั้นการประเมินผลการเรียนการสอน (Instructional Assessment) เป็นขั้นตอนสุดท้ายในการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานประกอบด้วย
.....3.1 การประเมินผลขั้นตอนการเรียนรู้
.....3.2 การจัดการสอบตามหลักสูตร
.....3.3 การประเมินผลกิจกรรมทั้งหมดผลที่ได้จากขั้นตอนสุดท้าย จะนำไปพิจารณาตรวจปรับกระบวนการออกแบบในแต่ละขั้นที่ผ่านมาทั้งหมด เพื่อให้การเรียนรู้แบบผสมผสานมีประสิทธิภาพและเกดประสิทธิผลกับผู้เรียนอย่างแท้จริง

ขั้นตอนการออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสาน


การเรียนรู้แบบผสมผสานมีสิ่งต่างๆจะต้องพิจารณา ดังนี้
.....1. เพิ่มทางเลือกของวิธีการนำส่งการเรียนรู้ไปยังผู้เรียนให้มีความหลากหลายมากขึ้น จะเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับผู้ออกแบบ
.....2. เกณฑ์การตัดสินความสำเร็จในการเรียนรู้แบบผสมผสานไม่ได้มีเพียงเกณฑ์เดียว เช่น รูปแบบการเรียนรู้และวิธีการเรียนรู้ ซึ่งสามารถนำมาพิจารณาร่วมกันได้
.....3. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานจะต้องพิจารณาประเด็นของความเร็วในการเรียนรู้ ขนาดของผู้เรียน และการสนับสนุนช่วยเหลือผู้เรียน
.....4. สภาพแวดล้อมทางการเรียนของผู้เรียน จะมีความแตกต่างกันเป็นธรรมชาติซึ่งการจัดการเรียนรู้จะต้องสนับสนุนให้ผู้เรียนบรรลุตามวัตถุประสงค์เป็นสำคัญ
.....5. หน้าที่ของผู้เรียน จะต้องศึกษาและค้นพบตัวเอง เพื่อสร้างสรรค์ความรู้ตามศักยภาพของตนเอง
.....6. การออกแบบการเรียนรู้แบบผสมผสานต้องการทีมงานออกแบบที่มีความรู้เรื่องการปรับปรุงด้านธุรกิจด้วยเช่นกัน
.....กรณี - การเรียนการสอนทางไกลของ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช (มสธ) ถือว่าเป็นการเรียนการสอนแบบผสมผสานเช่นกัน
.........- คอร์สการเรียนภาษาอังกฤษทางไกล ของ แอนดรูส์ บิ๊ก ที่ใช้ระบบ(Bkended Learning for Distance Learning) ซึ่งสามารถสอนนักเรียนพร้อมกันทีเดียวได้เป็นพันคน

3. ประโยชน์ ข้อดี และข้อเสีย

ประโยชน์ ข้อดี
.....1. แบ่งเวลาเรียนอย่างอิสระ
.....2. เลือกสถานที่เรียนอย่างอิสระ
.....3. เรียนด้วยระดับความเร็วของตนเอง
.....4. สื่อสารอย่างใกล้ชิดกับครูผู้สอน
.....5. การผสมผสานระหว่างการเรียนแบบดั้งเดิมและแบบอนาคต
.....6. เรียนกับสื่อมัลติมีเดีย
.....7. เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง Child center
.....8. ผู้เรียนสามารถมีเวลาในการค้นคว้าข้อมูลมาก สามารถวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อมูลได้อย่างดี
.....9. สามารถส่งเสริมความแม่นยำ ถ่ายโอนความรู้จากผู้หนึ่งไปยังผู้หนึ่งได้ สามารถทราบผลปฏิบัติย้อนกลับได้รวดเร็ว (กาเย่)
.....10. สร้างแรงจูงใจในบทเรียนได้(กาเย่)
.....11. ให้แนวทางในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้(กาเย่)
.....12. สามารถทบทวนความรู้เดิม และสืบค้นความรู้ใหม่ได้ตลอดเวลา (กาเย่)
.....13. สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่รบกวนภายในชั้นเรียนได้ ทำให้ผู้เรียนมีสมาธิในการเรียน
.....14. ผู้เรียนมีช่องทางในการเรียน สามารถเข้าถึงผู้สอนได้
.....15. เหมาะสำหรับผู้เรียนที่ค่อนข้างขาดความมั่นใจในตัวเอง
.....16. ใช้ในบริษัท หรือองค์กรต่างๆ สามารถลดต้นทุนในการอบรม สัมมนาได้

ข้อเสีย

....1. ไม่สามารถแสดงความคิดเห็น หรือถ่ายทอดความคิดเห็นอย่างรวดเร็ว
....2. มีความล่าช้าในการปฏิสัมพันธ์
....3. การมีส่วนร่วมน้อย โดยผู้เรียนไม่สามารถมีส่วนร่วมทุกคน
....4. ความไม่พร้อมด้าน ซอฟแวร์ Software บางอย่างมีราคาแพง (ของจริง)
....5. ใช้งานค่อนข้างยาก สำหรับผู้ไม่มีความรู้ด้าน ซอฟแวร์ Software
....6. ผู้เรียนบางคนคิดว่าไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน เพราะราคาอุปกรณ์ค่อนข้างสูง
....7. ผู้เรียนต้องมีความรู้ ความเข้าใจด้านการใช้งานคอมพิวเตอร์ เพื่อเข้าถึงข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต
....8. ผู้เรียนต้องมีความรับผิดชอบต่อตนเองอย่างสูง ในการเรียนการสอนแบบนี้
....9. ความแตกต่างของผู้เรียนแต่ละคนเป็นอุปสรรคในการเรียนการสอนแบบผสมผสาน
....10. สภาพแวดล้อมไม่เหมาะสมในการใช้เครือข่าย หรือระบบอินเทอร์เน็ต เกิดปัญหาด้านสัญญาณ
....11. ขาดการปฏิสัมพันธ์แบบ face to faec (เรียลไทม์)
.....ความเป็นไปได้ในการไปใช้งานจริงของ Blened Learning การเรียนการสอนแบบผสมผสาน
.....1. มีการเปลี่ยนแปลงไปสู่ยุค ICT ทำให้มีการเรียนรู้ที่หลากหลายวิธี เช่น 2 วิธี หรือมากกว่านั้นได้
.....2. ดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้ e-Learning
.....3. สามารถนำไปใช้ได้จริงในสถานศึกษา เช่น โรงเรียน หรือมหาวิทยาลัย รวมไปถึง บริษัท องค์กร ต่าง ๆ เพื่อประหยัดงบประมาณและต้นทุน
.....4. เป็นไปได้หรือไม่ในการนำไปใช้งานได้จริงขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม ความเหมาะสมขององค์ประกอบในการจัดการเรียนการสอน อุปกรณ์ ผู้เรียน และผู้สอน

อ้างอิง : http://bunmamint10.blogspot.com/

วันพฤหัสบดีที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2556

วันหนึ่งที่ฉันเที่ยว

สวนสนุกดรีมเวิร์ล

               เมื่อวันที่ 22 มกราคม พ.ศ.2556 ที่ผ่านมา โรงเรียนบางละมุงได้จัดทริปทัศนศึกษาให้สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 พอพวกเราได้ยินก็ดีใจมาก แล้วพอรู้ว่าไปที่สวนสนุกดรีมเวิร์ล กรุงเทพฯ พวกเราก็ยิ่งดีใจขึ้นไปอีก เพราะ ตั้งแต่อยุ่ที่โรงเรียนบางละมุงมา ชั้นของเราเป็นชั้นที่ยังไม่เคยได้ไปสวนสนุกเลย แต่ส่วนมากคุณครูจะไม่ค่อยชอบว่าทำไมเด็กๆถึงเลือกสถานที่พวกนี้ ทั้งๆที่มันไม่มีประโยชน์ แต่ที่จริงแล้วสวนสนุกนี่แหละ ที่ทำให้เราได้รับประบการณ์ใหม่ ได้เล่นในสิ่งที่ไม่เคยเล่น และยังมีภูมิต้านทานกับของเล่นอันหวาดเสียวอีก และแถมยังเป็นที่สุดท้ายที่เราจะได้ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ สวนสนุกจึงเป็นที่ที่พวกเราต้องการกันมากที่สุด เนื่องจากพวกเราได้เรียนมาหกปีเต็มๆแล้ว พวกเราจึงอยากที่จะทำกิจกรรมพักผ่อนที่สนุกสนานกับเพื่อนๆ
              เมื่อถึงวันไปทัศนศึกษา พวกเราก็มาถึงโรงเรียนกันแต่เช้า เข้าไปรวมกันที่โดมรวมใจหนึ่งก่อนเพื่อเช็คชื่อ เมื่อมาพร้อมกันครบทุกห้องทุกระดับชั้น พวกเราก็เริ่มออกเดินทาง ใช้เวลาการเดินทางสองชั่วโมง แต่ระหว่างการเดินทางนั้น พวกเราก็เต้นบนรถกันอย่างสนุกสนาน เพราะ ทุกคนคิดอยู่แล้วว่าปีนี้เป็นครั้งสุดท้าย ทุกคนเลยสนุกกันเต็มที่ 
เครื่องเล่น เฮอริเคน
             เมื่อไปถึงสวนสนุกพวกเราก็ต่อแถวกันเป็นห้องเพื่อรับบัตรเข้าเล่นในสวนสนุก พอพวกเราได้รับบัตรก็ไม่รอช้า รีบคำนวณเส้นทางและเวลาเพื่อวางแผนในการเล่นเครื่อง เล่นให้ได้เยอะที่สุดและคุ้มที่สุด เมื่อคิดได้แล้วพวกเราก็เริ่มเล่นกันที่เครื่องเล่นเสียวสุดอันดับแรก คือ เฮอริเคน ทุกคนสนุกและสุดเหวี่ยงมาก เพราะ เฮอริเคน เป็นเครื่องเล่นที่เสียวที่สุดรองจากทอนาโดก็เป็นได้ ทุกคนต่างนิยามเครื่องเล่นนี้ว่า "ถ้าคุณเล่นเฮอริเคนได้ คุณจะเล่นได้ทุกอย่างในดรีมเวิร์ล" ตอนที่ขึ้นไปบนเครื่องเล่นยอมรับว่าทุกคนเสียวมาก แต่พอเล่นเสร็จ ทุกคนติดใจกันหมด และขึ้นไปเล่นกันใหม่อีกสองรอบ เรียกได้ว่าทุกคนชอบเครื่องเล่นอันนี้มาก เสียวมากและก้สนุกมากเช่นกัน
เครื่องเล่น สกายโคลสเตอร์
                  พอเล่นเฮอริเคนเสร็จพวกเราก็เดินไปเรื่อยๆ เจอเครื่องเล่นอะไรก็เล่นหมดเลย พวกเราเหมือนเด็กๆมาก เครื่องเล่นต่อไปที่พวกเราเล่นคือ สกายโคลสเตอร์ เป็นที่ฮิตของทุกคนที่มาเช่นกัน ถ้าใครมาที่นี่แล้วไม่ได้เล่นเครื่องเล่นนี้ ถือว่าพลาดบรรยากาศสวยๆมาก เพราะนอกจากเครื่องเล่นนี้จะเสียวแล้ว ยังได้เห็นวิวที่สวยงามของสวนสนุกอีกด้วย
เครื่องเล่น พรหมวิเศษ
                   เครื่องเล่นต่อมาที่พวกเราเลือกเล่นคือ พรหมวิเศษ เป็นเครื่องเล่นที่โยกได้หมุนมาก แต่ไม่ค่อยเสียวเท่าไหร่ พวกเราเลยเล่นกันแบบชิวๆ
เครื่องเล่น สกายโคลสเตอร์
                  ต่อมาพวกเรามาเพิ่มความเสียวด้วยเจ้าเครื่องเล่น แรพเตอร์ ต่อ เป็นเครื่องเล่นที่เหวี่ยงเยอะมาก เหวี่ยงจนปวดคอและเอวก็ว่าได้ แต่มีคนพากย์เลยทำให้รู้สึกสนุกมากๆ
เครื่องเล่น วิหคสายฟ้า
                   จากที่เล่นเครื่องเล่นเสียวๆกันมาเยอะมากมาย เรามาต่อด้วยเครื่องเล่นสำหรับเด็ก นั่นคือ วิหคสายยฟ้า เป้นเครื่องเล่นที่ชิวมาก นั่งรถเล่นรับลม และต่อด้วยเครื่องเล่นกระแทกความรู้สึกนั่นคือ บ้านผีสิง 
เครื่องเล่น ซูเปอร์สแปลช
                    และเครื่องเล่นต่อมาที่ทุกคนมาถึงที่ดรีมเวิร์ลแล้วต้องเล่นก็คือ ซูเปอร์สแปลช เป็นเครื่องเล่นที่เปียกมากที่สุด และเมื่อเครื่องเล่นลงมาเจอน้ำ จะเป็นภาพที่สวยงามมาก ถ้าใครที่ไม่ได้มาเล่นเครื่องเล่นนี้ บอกได้เลยว่าคุณมาไม่ถึงดรีมเวิร์ล
เครื่องเล่น แกรนด์แคนยอน
                  พวกเราเล่นเครื่องเล่นที่เปรชียกกันมาแล้ว เลยคิดว่าไหนๆก็เปียกแล้ว เลยเล่นเครื่องเล่นแกรนด์แคนยอน เป็นเหมือนการล่องแก่ง สนุกมากๆ
เครื่องเล่น บ้านหิมะ
                   เครื่องเล่นสุดท้ายที่พวกเราเล่น คือ บ้านหิมะ เพิ่งเล่นจากเครื่องเล่นเปียกๆมาก็มาเข้าบ้านหิมะ อากาศลบห้าองศากันเลยทีเดียว หนาวมากๆ แต่สวยมากๆ พวกเราอยุ่กันจนชาไปทั้งตัวแล้วค่อยออกมา จากนั้นก็เดินทางกลับบ้านพร้อมกันเวลาบ่ายสามโมงครึ่ง เดินทางมาถึงโรงเรียนบางละมุงเวลาหกโมงครึ่ง จากนั้นก็แยกย้ายกันกลับบ้าน
                  การไปดรีมเวิร์ลครั้งนี้ทำให้พวกเรามีความทรงจำที่ดีต่อกันมากมาย เป็นที่ประทับใจสำหรับทุกๆคน พวกเราได้เล่นเครื่องเล่นมากมาย แต่ที่เขียนบทความเป็นแค่ตัวอย่างเครื่องเล่น น้ำจิ้มๆ อยากเจอของจริงทุกคนต้องไปลองกันที่ สวนสนุกดรีมเวิร์ล :)

ภาพแห่งความทรงจำ ^^


เทคนิคการสอบสัมภาษณ์

             บทความนี้เป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ได้รับการเรียกตัวให้เข้าสอบสัมภาษณ์  ซึ่งอาจจะเป็นผู้ที่ผ่านการสอบข้อเขียน หรือได้รับการ คัดเลือก จากจดหมายสมัครงาน เพื่อทดสอบความรู้ ความสามารถ บุคลิกภาพ ทักษะไหวพริบ ซึ่งผู้ประกอบการจะต้อง พิจารณาผู้ที่มีความ เหมาะสมที่สุด  ดังนั้นผู้ที่เข้าสอบสัมภาษณ์ต้องเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งบทความนี้อาจเป็นแนวทางเพื่อพิชิตสิ่งที่หวังไว้

          -   เตรียมตัวให้พร้อมที่สุด    รักษาสุขภาพ ระมัดระวังเรื่องการกิน การพักผ่อน หลายคนพลาดท่าเรื่องการกินมาแล้ว เช่น ท้องเสีย  เป็นไข้  ซึ่งอาจเกิดจากความวิตกกังวล ความเครียด ฯลฯ บางคนเพื่อนฝูงมาร่วมแสดงความยินดีล่วงหน้า ฉลองล่วงหน้าหามรุ่งหามค่ำ พับเพียบไปก็เยอะนะ จะหาว่าไม่บอก   ลดความวิตกกังวล  ทบทวนความรู้  ปรึกษาผู้ที่มีประสบการณ์  เตรียมตัวเตรียมใจให้ดี

         -  แต่งกายอย่างไรดี     อันนี้สำคัญเพราะเขาจะมองคุณด้วยความละเอียดมันหมายถึงบุคลิกภาพ  และบ่งบอกว่า คุณ เป็น คนลักษณะอย่างไร  ถ้าแต่งกายดีสุด สุด ด้วยเสื้อผ้าราคาแพง  เขาอาจมองว่าคุณเป็นคนรสนิยมสูงฟุ่มเฟือย (แล้วแต่ลักษณะงานนะ ถ้าคุณไปสมัครเป็นนักร้องวัยรุ่น  ดารา หรือนายแบบหรือผู้บริหารก็เป็นอีกอย่าง )  ควรแต่งกายสุภาพสมฐานะ ใส่เสื้อเชิ๊ต กางเกงสุภาพ อย่าใส่ยีนส์นะขอร้อง  เขาจะหาว่าไม่รู้กาละเทศะ  ไม่รุ่มร่าม หรือคับเกินไป   ห้ามใส่รองเท้าแตะ เด็ดขาด   ควรใส่รองเท้าหนังสีสุภาพ  ไม่มีลวดลาย  พูดง่าย ๆ แต่งตัวให้สุภาพดูดีเท่านั้นพอ

        - ควรเตรียมอะไรไปบ้าง    ก่อนเดินทางไปสัมภาษณ์ควรติดต่อสอบถาม และดูรายละเอียดให้ชัดเจน  ว่าต้องเตรียมอะไรไปบ้างปกติจะเตรียมหลักฐานต่าง ๆ ที่สำคัญ ซึ่งเขาอาจจะขอเพิ่มเติม  ตัวอย่างผลงาน เช่น ภาพวาด ภาพถ่าย  หรืออื่น ๆ ตามลักษณะของตำแหน่งงาน  และที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณมากที่สุด แต่อย่าพะรุงพะรัง  จะทำให้เสียบุคลิกภาพเปล่า ๆ

        - ควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์เมื่อใด     ก่อนอื่นคุณต้องมั่นใจว่าจะไปถึงที่สอบใช้เวลาเท่าใด โดยเฉพาะคนที่อยู่ต่างจังหวัด แล้วเดินทางเข้าไปสอบในกรุงเทพ พลาดมาเยอะเหมือนกัน  ต้องหาข้อมูลให้ชัดเจน  และต้องแน่ใจว่าเขานัดสัมภาษณ์ที่ใด  ถ้าไม่แน่ใจให้เดินทาง ไปดูล่วงหน้าก่อน   แต่ที่ดีที่สุดควรเดินทางไปถึงที่สัมภาษณ์ล่วงหน้าประมาณสัก 15 นาที  จะทำให้เรามีสมาธิ และมีเวลาเตรียมตัวมากขึ้น   แต่ถ้าไปถึงล่วงหน้าเป็นชั่วโมง ก็ดีแต่อาจจะทำให้คุณรอนานอาจเกิดความหงุดหงิด เสียสมาธิได้ และควรไปคนเดียว  ถ้าไม่จำเป็นอย่าพาผู้อื่นไปด้วยเพราะจะทำให้เราพะวง เขาอาจจะมองว่าคุณยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ

        - ทำอย่างไรดีขณะนั่งรอสัมภาษณ์   ระหว่างนั่งรอสัมภาษณ์   จงใช้เวลาให้เกิดประโยชน์ที่สุด พยายาม หาข้อมูลเกี่ยวกับ หน่วยงาน ท ี่  คุณสัมภาษณ์ให้มากที่สุด เช่น  เอกสาร แผ่นพับ ตัวอย่างผลงาน  หรือสอบถามจากฝ่ายประชาสัมพันธ์ เพื่อหารายละเอียดเพิ่มเติมที่จะเป็นประโยชน์สำหรับคุณให้มากที่สุด    พยายามแสดงความเป็นมิตรที่ดีด้วยรอยยิ้ม  กับผู้อื่นรวมทั้งผู้เข้าสอบด้วยกันเพื่อสร้างความประทับใจ อย่าใช้สายตาว่าเขาคือศตรูหรือคู่แข่งซึ่งมันจะไม่เป็นผลดีสำหรับคุณเลย

        - เมื่อถูกเรียกตัวเข้าสัมภาษณ์     ก่อนเข้าห้องสัมภาษณ์ลองหายใจลึก ๆ แต่อย่ามากอาจหน้ามืดก่อน  ถ้ามีประตูควร เคาะ ประตู เสียก่อน  ตามมารยาท  ยกมือวันทาด้วยท่าทางสุภาพ  ควรไหว้ประธานหรือผู้ที่มีตำแหน่งสูงสุดเพียงผู้เดียวถ้านั่งอยู่หลายคน  โดยทั่วไปมัก นั่ง ตรงกลาง เรื่องนี้ ใช้ไหวพริบเองก็แล้วกัน     อย่าเพิ่งนั่งจนกว่าจะได้รับอนุญาต หรือ คำเชิญจากผู้สัมภาษณ์   กล่าวขอบคุณครับแล้วนั่งให้หัวใจเต้น  เบาลง  จงมีสายตาท่าทางที่เป็นมิตร  ห้ามหยิ่ง   อันนี้แน่อยู่แล้วโดยธรรมชาติ 

      - เมื่อได้ฟังคำถามคำแรก    จงตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ฉะฉาน  ยกเว้นคุณไปสมัครเป็นนางเอกหนังเรื่องนางอาย   พูดให้เป็นธรรมชาติด้วยเสียงที่พอเหมาะอย่าค่อย หรือดังเกินไป  จงพูดเท่าที่จำเป็นอย่าคุยโม้โอ้อวด  หรือถ่อมตนมากเกินไป  จงพูดในสิ่งที่เป็นความจริงและสิ่งที่เกี่ยวข้องกับคำถามและเป็นประโยชน์ สำหรับคุณให้มากที่สุด  

      - ถ้าไม่เข้าใจคำถาม ?   อย่าเดาคำถามอย่างเด็ดขาดควรกล่าวคำขอโทษและขอทบทวนคำถามอีกครั้งให้แน่ใจ แต่อย่าไม่เข้าใจบ่อยมาก ไม่ดี    ถ้าคุณเข้าใจคำถามผิด  แล้วเขาทักมากรุณากล่าวคำขอโทษแล้วตอบใหม่อย่ายืนยันคำพูดเดิม หรือย่าเถียงเด็ดขาด อาจทำให้การสัมภาษณ์ยุติลง

     - ถ้าพบกับคำถามที่ตอบไม่ได้    จงอย่าอ้างว่าไม่ได้เรียนมา  และอย่าแสดงกริยาหงุดหงิดอารมณ์เสีย    เขาอาจจะอยากลองดูไหวพริบการแก้ปัญหาของคุณ  อันนี้อย่าตอบมั่วเด็ดขาด ยอมรับซะว่าไม่ทราบจริง ๆ และจะไปสืบค้นหาคำตอบภายหลัง ซึ่งแสดงว่าคุณเป็นผู้ใฝ่รู้ (ต้องทำจริง ๆ นะ) อย่าขอเปลี่ยนคำถามหรือขอผู้ช่วยเพราะไม่ใช่เกมโชว์

     - คำถามที่ลำบากใจ      นอกจากคำถามที่ตอบไม่ได้แล้ว  ยังอาจเจอคำถามที่ลำบากใจ ทำใจเย็น ๆ ไว้  เช่น  คุณต้องการเงินเดือนเท่าไหร่ อันนี้อาจพบแน่  ถ้าตอบมากไปกลัวเขาไม่จ้าง  ถ้าตอบน้อยไปกลัวเขาให้แค่นั้น แต่โดยปกติเขาจะมีเกณฑ์อยู่แล้ว  เพียงแต่อยากดูความคาดหวังของเรา  จงหาข้อมูลก่อนว่าที่นี่เขาจ้างอย่างไร ตำแหน่งคุณเริ่มต้นได้เท่าไหร่ แต่ถ้าไม่ทราบจริง ๆ ก็ยึดถือการจ้างตามอัตราเงินเดือนที่ กพ. กำหนด  แต่อาจจะต้องคำนึงถึงความยากง่ายของงานด้วย  จงใช้ไหวพริบของคุณตอบให้ดีที่สุด  อย่าพูดในสิ่งที่ทำไม่ได้ และไม่มั่นใจอาจจะสร้างปัญหาได้ในภายหลัง

      - การใช้วาจา   ในระหว่างสัมภาษณ์ ควรใช้คำพูดที่ฉะฉานไม่ก้าวร้าว    อย่าพูดคำพูดที่ไม่แน่ใจบ่อย ๆ หรือ ภาษาที่เป็นกระแสนิยม เช่น ใช่มั้งคะ !  แบบว่า!    ว้าวดีจังเลย!  จ๊าบจริงครับ!  เจ๋งเลยครับ!   ระวังดี ๆ นะโดยเฉพาะคนที่พูดบ่อย ๆ จนเป็นนิสัยอาจจะหลุดออกมาได้  มือขอให้อยู่เป็นสุขอย่าคุ้ยแคะแกะเกา  ระวังให้ดีให้มันอยู่ในที่ที่ควรอยู่ จงใช้เท่าที่จำเป็น  ถ้าเป็นการเปลี่ยนงานอย่านินทาว่าร้ายที่ทำงานเดิมของคุณเป็นอันขาด จงชี้แจงสิ่งที่เป็นเหตุผลในการเปลี่ยนงานตามความเป็นจริง (ในสิ่งที่เปิดเผยได้)

     - เมื่อการสัมภาษณ์สิ้นสุดลง   เป็นธรรมดาครับ  ก็ต้องกล่าวขอบคุณที่ให้โอกาส แม้ว่าการสัมภาษณ์อาจจะไม่เป็นที่พอใจคุณเท่าใดนัก เช่น อาจตอบคำถามไม่ดี  หรือมีข้อผิดพลาด พยายามข่มใจไว้ ไหว้งาม ๆ แล้วเดินออกไป  อย่าลืมเก็บของเข้าที่ให้เรียบร้อย  เช่น โต๊ะ เก้าอี้ 

    - หนังสือขอบคุณสักฉบับก็ดี    เมื่อเขาให้โอกาสคุณแล้วอาจจะมีหนังสือขอบคุณที่ให้โอกาสเข้าพบ ถึงแม้ว่าจะพลาด หวังก็ตามซึ่ง จะสร้าง ความประทับใจทั้ง 2 ฝ่าย  อย่าลืมว่าโอกาสหน้ายังมีอีกที่เราอาจต้องมาสมัครที่นี่อีก  ถ้าคุณได้งานทำก็น่าดีใจและตั้งใจทำให้เต็มความสามารถ ที่สำคัญคือ น้ำใจ เอื้ออาทร  เสียสละ  แต่ถ้าพลาดหวังนั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีความสามารถ เขาอาจอยากได้เราแต่มีคนที่เหมาะสมกว่า หรือ ความสามารถ ของเราไม่ตรงกับความต้องการของเขาก็ได้ 
    **ที่กล่าวมาคงเป็นแนวทางหนึ่งสำหรับผู้ที่เตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ หรือ กำลังหางาน หรือเปลี่ยนงาน  เพื่อให้ได้งานทำตาม ความ ปราถนาผมขอให้คุณประสบความสำเร็จนะ

อาชีพในอนาคตของฉัน

อาชีพยอดนิยม

    
1.แพทย์
             เพราะ เป็นอาชีพที่ช่วยเหลือผู้คนจากโรคภัย ถ้าเราไม่มีแพทย์เราจะหายโรคภัยไข้เจ็บได้อย่างไร แถมอาชีพแพทย์ยังได้เงินเดือนเยอะที่สุดเปรียบกับอาชีพอื่นทุกๆอาชีพอีกด้วย

2.ตำรวจ
เพราะ เป็นอาชีพที่คอยจับคนไม่ไม่ดีมาลงโทษ ถ้าเราไม่มีตำรวจ บ้านเมืองของเราจะวุ่นวานขนาดไหน จึงมีนักเรียนชายหลายคนใฝ่ฝันอยากที่จะเป็นตำรวจ ส่วนใหญ่เป็นเพราะได้ใส่เครื่องแบบแสนจะหล่อเหลา มีความเท่ห์อยู่ในอาชีพของตน และที่สำคัญเงินเดือนก็ยังสูงไปตามระดับตามยศอีกเช่นกัน

3.นักบัญชี 
เพราะ เป็นอาชีพที่ผู้หญิงหลายคนใฝ่ฝัน จบมามีงานรองรับ เพราะเนื่องจากในทุกๆบริษัทต้องมีการใช้จ่าย จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่บริษัททุกๆบริษัทจะไม่มีแผนกหรืองานด้านสาขาบัญชีอยู่ในนั้น


อาชีพยอดนิยมส่วนตัวของนักเรียนเป็นอาชีพยอดนิยมของคนทั่วไปหรือไม่เพราะอะไร
ตอบ อาชีพยอดนิยมส่วนตัวที่เลือกมานั้นเป็นอาชีพยอดนิยมของคนทั่วไปอย่างแน่นอน เพราะ ทั้งสามอาชีพที่ได้ตอบไปในข้อที่หนึ่ง ล้วนเป็นอาชีพที่เงินเดือนสูงมาก ทำให้ใครหลายๆคนก็อยากจะเข้ามาประกอบอาชีพทั้งสาม


ใน 3 อาชีพให้นักเรียนเลือกมา 1 อาชีพแล้วบอกว่าทำไมจึงเลือก
ตอบ อาชีพนักบัญชี เพราะ โดยส่วนตัวเป็นคนไม่ชอบทางด้านวิทยาศาสตร์ ชอบอะไรที่เป็นระบบระเบียบ แถมอาชีพนักบัญชียังมีงานรองรับอีกมากมายและมีในทุกๆบริษัท หรืออาจจะเปิดเป็นบริษัทรับตรวจสอบบัญชีโดยตรงของตัวเองเลยก็ได้ และที่สำคัญเงินเดือนก็ค่อนข้างสูงในระดับหนึ่ง

ประทับใจในบางละมุง

             
          สิ่งที่ภาคภูมิใจในรั้วชมพู-ขาว ก็คือ การที่เห็นโรงเรียนของเราก้าวไกลมามาก ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น นักเรียนในโรงเรียนต่างพากันสร้างชื่อเสียงในทุกๆด้านไม่ว่าจะเป็น ระดับจังหวัด ภาค หรือประเทศ เป็นการแสดงให้รู้ว่าโรงเรียนบางละมุงของเรานั้นไม่แพ้โรงเรียนอื่นเลย และสิ่งที่หนูภาคภูมิใจที่สุดคือ การได้มาศึกษาในโรงเรียนแห่งนี้ตั้งแต่ ม.1 คุณครูทุกท่านที่นี่อบอุ่นและน่ารักมากๆ คอยช่วยเหลือด้านวิชาการให้หนูตลอดมา และสิ่งที่จะขาดไม่ได้เลย คือ เพื่อนๆในชั้นเรียน หนูภูมิใจมากที่ได้มาเจอเพื่อนที่ดีๆแบบนี้ เป็นความทรงจำที่ดีครั้งหนึ่งในชีวิตเลย รักและเคารพสถาบันนี้ตลอดไปค่ะ